นอกจากการเปิดตัว iPhone 5 แล้ว ในเปิดตัวงานครั้งนี้ Apple
ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ๆ
มาอีกหลายชิ้นมากมายออกมาด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง
iPod Touch 5th Generation
เป็นสินค้าอีกรุ่นที่ Apple มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในตัวหลายๆ อย่างทีเดียวและเทคโนโลยีใหม่ดังนี้
iPod Nano 7th Generation
สาย Lightning
อันนี้ก็คือสายซิงก์นั่นเอง แต่อาจจะมีการเปลี่ยนหน้าตาของพอร์ตเชื่อมต่อกับตัวเครื่องไปเป็นแบบ 9 พิน สามารถเสียบเข้ากับตัวเครื่องโดยหันสายด้านใดก็ได้ ส่วนเรื่องความเร็วนั้น ยังคงเป็น USB 2.0 อยู่
ทั้งนี้จะมีแถมมากับเครื่องรุ่นใหม่ๆ คือ
อแดปเตอร์แปลงจากพอร์ต 30 พินไปเป็น Lightning
อุปกรณ์ชิ้นนี้ออกแบบมาสำหรับคนที่มีสาย dock รุ่นเก่าอยู่ แล้วอยากนำมาใช้กับ iPhone 5, iPod Touch 5th หรือ iPod Nano 7th ครับ โดยจะมีให้ซื้อแยกในร้าน ส่วนราคาก็อยู่ที่ 1,090 บาท
หูฟัง Apple Earpod
เป็นหูฟังดีไซน์ใหม่ โดยจะมีแถมมาให้ใน iPhone 5, iPod Touch 5th และ iPod Nano 7th เท่านั้น (ของที่แถมกับ iPhone 5 จะมีไมค์มาด้วย ส่วนอีกสองอันที่เหลือจะไม่มีไมค์ที่สายหูฟัง) ส่วนราคาของ Apple Earpod (แบบมีไมค์) นั้นอยู่ที่ 1,090 บาท
iPod Touch Loop
เป็นสายคล้องที่ออกแบบมาสำหรับ iPod Touch รุ่นใหม่โดยเฉพาะ ใช้สำหรับคล้องไว้เพื่อกันตก มีแถมมาใน iPod Touch อยู่แล้วเครื่องละสองเส้น (สี+ขาว) ส่วนใครที่ต้องการซื้อเพิ่มก็มีให้เลือกด้วยกัน 5 สี ราคาเส้นละ 350 บาท
iTunes 11
ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็จะมีส่วนของ iTunes 11 ที่จะปล่อยอัพเดตในช่วงเดือนหน้านี้ โดยส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ก็มีดังนี้
iPod Touch 5th Generation
เป็นสินค้าอีกรุ่นที่ Apple มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในตัวหลายๆ อย่างทีเดียวและเทคโนโลยีใหม่ดังนี้
- ใช้จอ IPS ขนาด 4 นิ้ว Retina Display ความละเอียด 1136 x 640 เท่ากับ iPhone 5
- ชิปประมวลผล Apple A5 ประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้น 2 เท่า ประสิทธิภาพด้านกราฟิกเพิ่มขึ้น 7 เท่า
- เปลี่ยนวัสดุฝาหลังไปใช้แบบอะลูมิเนียมขัด มีให้เลือก 5 สี
- มีให้เลือกในความจุ 32 และ 64 GB เท่านั้น
- รองรับ WiFi 802.11n ที่ความถี่คลื่น 5 GHz แล้ว (รุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึง iPhone 4S ลงไปยังไม่รองรับ 5 GHz)
- มีความหนาเพียง 6.1 มิลลิเมตร บางลงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้
- กล้องหลังความละเอียด 5 MP ค่ารูรับแสง f/2.4 รองรับการถ่ายพาโนรามา รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p
- กล้องหน้าความละเอียด 1.2 MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 720p @ 30 fps
- เปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อไปใช้แบบ 8 พินเช่นเดียวกับ iPhone 5 เรียกชื่อสายว่า Lightning
- แบตเตอรี่ใช้ฟังเพลงได้ 40 ชั่วโมง ดูวิดีโอได้ 8 ชั่วโมงและใช้เวลาในการชาร์จ 2 ชั่วโมงจะสามารถประจุไฟเข้ามาได้ 80% ชาร์จเต็มใช้เวลา 4 ชั่วโมง
- มี Siri
- รองรับการแสดงผลแบบ 3D ของแอพแผนที่ Maps เช่นเดียวกับ iPhone 5
- ใช้หูฟังแบบใหม่ที่มีชื่อว่า Earpod
- มีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเข้ามาคือ Loop ซึ่งเป็นสายคล้องไว้สำหรับคล้องแขนเวลาใช้งาน
- ราคา iPod Touch รุ่นใหม่เริ่มต้นที่ 9,900 บาท ส่วนรุ่นเก่าเริ่มต้นที่ 6,500 บาท
iPod Nano 7th Generation
- ตัวเครื่องหนาเพียง 5.4 มิลลิเมตร
- มีความจุ 16 GB ให้เลือกเพียงอย่างเดียว
- จอสัมผัสขนาด 2.5 นิ้ว ความละเอียด 432 x 240
- แบตเตอรี่สามารถใช้ฟังเพลงได้นาน 30 ชั่วโมง ดูวิดีโอได้ 3.5 ชั่วโมง
- มาพร้อมหูฟัง Earpod
- ไม่มี WiFi
- ราคาอยู่ที่ 5,500 บาท
สาย Lightning
อันนี้ก็คือสายซิงก์นั่นเอง แต่อาจจะมีการเปลี่ยนหน้าตาของพอร์ตเชื่อมต่อกับตัวเครื่องไปเป็นแบบ 9 พิน สามารถเสียบเข้ากับตัวเครื่องโดยหันสายด้านใดก็ได้ ส่วนเรื่องความเร็วนั้น ยังคงเป็น USB 2.0 อยู่
ทั้งนี้จะมีแถมมากับเครื่องรุ่นใหม่ๆ คือ
- iPhone 5
- iPod Touch 5th Generation
- iPod Nano 7th Generation
อแดปเตอร์แปลงจากพอร์ต 30 พินไปเป็น Lightning
อุปกรณ์ชิ้นนี้ออกแบบมาสำหรับคนที่มีสาย dock รุ่นเก่าอยู่ แล้วอยากนำมาใช้กับ iPhone 5, iPod Touch 5th หรือ iPod Nano 7th ครับ โดยจะมีให้ซื้อแยกในร้าน ส่วนราคาก็อยู่ที่ 1,090 บาท
หูฟัง Apple Earpod
เป็นหูฟังดีไซน์ใหม่ โดยจะมีแถมมาให้ใน iPhone 5, iPod Touch 5th และ iPod Nano 7th เท่านั้น (ของที่แถมกับ iPhone 5 จะมีไมค์มาด้วย ส่วนอีกสองอันที่เหลือจะไม่มีไมค์ที่สายหูฟัง) ส่วนราคาของ Apple Earpod (แบบมีไมค์) นั้นอยู่ที่ 1,090 บาท
เป็นสายคล้องที่ออกแบบมาสำหรับ iPod Touch รุ่นใหม่โดยเฉพาะ ใช้สำหรับคล้องไว้เพื่อกันตก มีแถมมาใน iPod Touch อยู่แล้วเครื่องละสองเส้น (สี+ขาว) ส่วนใครที่ต้องการซื้อเพิ่มก็มีให้เลือกด้วยกัน 5 สี ราคาเส้นละ 350 บาท
iTunes 11
ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็จะมีส่วนของ iTunes 11 ที่จะปล่อยอัพเดตในช่วงเดือนหน้านี้ โดยส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ก็มีดังนี้
- รวมระบบของ iCloud เข้ามาในตัว ทำให้เรื่องการซิงก์ข้อมูลทำได้ดีขึ้น
- ปรับเปลี่ยนหน้าตาภายในโปรแกรมทั้งตัวหลักและหน้า Mini Player
- ปรับระบบของ iTunes Store
- มีฟีเจอร์ Up-Next เพื่อดูล่วงหน้าว่าเพลงที่จะเล่นเพลงต่อไปคือเพลงอะไร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น